ดูดไขมัน (Liposuction) เพื่อหุ่นเพรียวสวย ดูดี อย่างปลอดภัย
ไขมัน (Lipid) ในร่างกายเกิดจากอาหารที่เรารับประทานและได้ผ่านกระบวนการทำงานในร่างกายเพื่อทำการเผาผลาญไขมันในส่วนที่เกินความต้องการหรือกักเก็บไขมันดีไว้ใช้งาน โดยไขมันหากอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม (ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี) ก็จะเกิดผลดีแก่ร่างกาย ไขมันช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานอย่างปกติ โดยอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ จะเปลี่ยนไขมันให้เป็น
- กรดไขมัน (Fatty acid) ไขมันที่พบมากที่สุดในร่างกาย
- ฟอสโฟลิปิด (Phospholipid)
- สเตอรอล (Sterols)
- วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีและวิตามินเค
- ฯลฯ
แม้ว่าไขมัน (lipid) จะมีความสำคัญต่อร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินความพอดีร่วมกับการทานอาหารที่มีไขมันทรานส์ (Trans fatty acid) เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม เนย ขนม เบเกอรี่ ฯลฯ และไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid : SFA) เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย ชีส นมไม่พร่องมันเนย ฯลฯ ก็จะเกิดผลกระทบต่อร่างกาย ส่งผลต่อสุขภาพทำให้เจ็บป่วยและเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ เช่น โรคอ้วนโรคหัวใจ โรคมะเร็ง การรักษาสมดุลให้ร่างกาย นอกจากจะช่วยให้แข็งแรงมีสุขภาพดี และมีรูปร่างที่ดีแล้วยังช่วยให้มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้
ไขมันที่สะสมในร่างกายยิ่งมีระยะเวลานานก็ยิ่งถูกกำจัดหรือเผาผลาญออกมาได้ง่าย แม้คุณจะเริ่มต้นดูและสุขภาพด้วยการออกกำลังกายร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แล้วก็ตาม ทั้งนี้ต้องใช้ความอดทน มีวินัย และใช้เวลาในการให้ร่างกายเผาผลาญไขมันเหล่านี้ให้มีอยู่ในปริมาณที่พอดี ถึงอย่างไรด้วยข้อจำกัดในการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสุขภาพหรือโรคภัยต่างที่เผชิญ รวมทั้งวัยที่สูงขึ้น อาจส่งผลทำให้คุณไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ได้
เลือกบริการดูดไขมันเฉพาะสัดส่วน
หากคุณเผชิญกับโรคอ้วน หรือวัยที่สูงเกินเลข 4 ขึ้นไปแล้ว การที่ต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายเผาผลาญอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพเท่าใดนัก บางคนจึงเลือกที่จะอดอาหารเพื่อให้น้ำหนักตัวลดลงและหวังว่าไขมันในร่างกายก็จะหายไป แม้ว่าน้ำหนักจะลดลงแต่รู้หรือไม่ว่า การรอดอาหารไม่ได้เป็นการช่วยให้ไขมันที่อยู่ในร่างกายนั้นลดน้อยลงไป แต่กลับเปลี่ยนไขมันให้มีขนาดเล็กลงและสะสมในเซลล์ไขมันเพื่อรอวันขยายตัว รวมถึงการปรับเปลี่ยนเครื่องปรุงอาหาร หรือการเลือกรับประทานอาหารไขมันต่ำ เพื่อต้องการให้ร่างกายได้รับไขมันในปริมาณที่น้อยลง ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ไขมันลดลงเช่นเดียวกัน ตรงกันข้ามในบางผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำอาจส่งผลให้ร่างกายได้รับปริมาณคอเลสสเตอรอลในอาหารสูง น้ำตาลหรือสารปรุงแต่งมากมายที่นำผลกระทบต่อสุขภาพได้ด้วยเช่นเดียวกันโดยการสะสมของน้ำตาลที่ถูกแปรสภาพเป็นไขมันนั้นจะก่อตัวให้เกาะเป็นชั้นหนาบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง (ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง) และไขมันในช่องท้อง
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous fat) สามารถเผาผลาญและลดปริมาณลงได้ง่ายกว่าไขมันในส่วนอื่น ในขณะที่ไขมันในช่องท้อง (Viseral fat) นั้นเกิดจากการสะสมของไขมันจากอาหารที่รับปริมาณและร่างกายนำไปใช้ไม่หมดทำให้เกาะและสะสมบริเวณช่องท้อง ใต้ชั้นกล้ามเนื้องท้องและยังแทรกตัวในเนื้อเยื่อต่างๆ ของเซลล์
แม้ว่าคุณจะมีรูปร่างตัวเล็ก บอบบาง หรือน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีปริมาณไขมันน้อย ซึ่งทดสอบได้ด้วยตัวเองในเบื้องต้นได้ด้วยวิธีการหยิบจับเนื้อตัวเอง หากหยิบแล้วเป็นก้อน นั่นแสดงว่าร่างกายมีปริมาณไขมันสะสมในชั้นใต้ผิวหนังค่อนข้างมากซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ แต่หากคุณหยิบผิวหนังขึ้นมาแล้วเป็นแผ่นบาง นั่นก็สามารถอนุมานได้ว่าคุณมีปริมาณไขมันที่พอดีและไม่เป็นอันตราย
อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดี ลดการสะสมในชั้นไขมัน ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณสดใสก็ตามแต่เรากลับพบว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ใช้เวลาในการออกกำลังกายมานานแต่ชั้นไขมันกลับไม่ลดลงเลย ยังคงมองเห็นชั้นไขมัน หรือเซลลูไลท์เกาะตามร่างกาย เช่น ไขมันหน้าท้อง เซลลูไลท์ ไขมันต้นแขน ไขมันต้นขา ไขมันน่อง ไขมันเหนียง ฯลฯ
การมีไขมันสะสมในร่างกาย อันตรายหรือไม่
ไขมันไม่ได้เป็นสิ่งที่อันตรายหรือก่อโรคภัย ทำให้เป็นโรคอ้วน ในขณะเดียวกัน ไขมัน (Lipid) กลับมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเพียงแต่คุณจำเป็นต้องควบคุมให้ร่างกายได้รับไขมันในปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง การลดไขมันส่วนเกินที่สะสมในร่างกายจะช่วยให้สามารถลดไขมันในเลือด ไขมันใต้ชั้นผิวหนังและไขมันที่สะสมในบริเวณช่องท้อง สามารถทำได้โดย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
โดยจำกัดปริมาณไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เต้าหู้ รวมทั้งรับประมาณผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์เพื่อช่วยให้ร่างกายขับถ่ายอย่างปกติและยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดี
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
โดยการกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีนั้นควรออกกำลังกาย 20-40 นาทีต่อครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยรน หรือว่ายน้ำ เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมในร่างกายนำออกมาใช้ ร่วมกับการออกกำลังกายแบบเพิ่มกล้ามเนื้อ เช่น เวทเทรนนิ่ง (Weight training) เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง มี Sixpack ร่อง 11 แขนเรียวสวย เป็นต้น
ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายมานานแล้วแต่ไขมันไม่ลดลงเลย หรือผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายแต่ต้องการลดปัญหาไขมันสะสม ในกรณีนี้การปรึกษาแพทย์จำเป็นต้องแจ้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โรคประจำตัว และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อให้แพทย์วิเคราะห์พิจารณาถึงวิธีการลดไขมัน ดูดไขมันอย่างเหมาะสมเฉพาะบุคคล
BodyFat ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง เรื่องการดูดไขมัน
โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 23 ปี ประสบการณ์กว่า 30 ปี และในแต่ละปีได้รับการดูแลให้บริการกว่า 30,000 เคสต่อปี และประสบความสำเร็จคนไข้ได้รับความพึงพอใจอย่างมากและได้รับการบอกต่อในวงกว้าง ที่นี่เราเน้นเฉพาะการดีไซน์เรือนร่าง ลดไขมัน ดูดไขมันอย่างเหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณมีเรือนร่างที่สวยงาม ลดความกังวลในไขมันเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็น
- ดูดไขมันใบหน้า กรอบหน้าชัดลดวัย
- ดูดไขมันเหนียง ไขมันสะสมที่ก่อปัญหาให้ผิวหน้าหย่อยคล้อยและดูแก่กว่าวัย
- ดูดไขมันหนอกคอ เสริมบุคลิกให้ดูดีสง่างาม
- ดูดไขมันต้นแขนเรียวสวย สวยทุกมุม
- ดูดไขมันหน้าท้อง (abdomen liposuction)ในชั้นผิวให้ท้องแบนราบ ไร้พุงยื่น เห็นเอวเอสชัดเจน
- ดูดไขมันซิกแพค สร้างกล้ามท้องชาย
- ดูดไขมัน sexy line สร้างกล้ามท้องหญิง
- ดูดไขมันนต้นขา ลดเซลลูไลท์สะสม ให้ขาเรียวสวย ลดปัญหาขาเบียด
- ดูดไขมันน่อง ให้ขาเรียวสวยมากยิ่งขึ้น
ร่วมออกแบบรูปร่างไปพร้อมกับเรา Bodyfat
ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมด้วยเทคนิคเฉพาะของอาจารย์แพทย์ (นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์) ด้านการดูดไขมัน โดย BodyFat ให้บริการการดูดไขมันด้วยเครื่อง BodyTite และ PAL จึงทำให้การดูดไขมันเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างตรงจุด ปลอดภัยและลดความเสี่ยง ลดไขมันให้น้อยลงและยังยกกระชับไม่ย้วย สวยอย่างเป็นธรรมชาติและจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ยาวนานเมื่อดูแลตัวเองร่วมด้วย
มั่นใจทุกครั้งที่เข้ารับบริการด้วยห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเครื่องที่มือทันสมัย
อัตราค่าบริการ
บริการ | อัตราค่าใช้จ่าย (เบื้องต้น) |
---|---|
ดูดไขมันต้นแขน / ดูดไขมันแขน | 49,000 บาท |
ดูดไขมันต้นขาด้านนอก | 49,000 บาท |
ดูดไขมันต้นขาด้านใน | 49,000 บาท |
ดูดไขมันต้นขาด้านหลัง | 49,000 บาท |
ดูดไขมันหน้าท้อง | 69,000 บาท |
ดูดไขมันร่อง 11 (Sexy line) | 49,000 บาท |
ดูดไขมันซิกแพค (Sixpack) | เริ่มที่ 59,000 บาท |
ดูดไขมันเอว | 49,000 บาท |
ดูดไขมันคาง / เหนียง | 35,000 บาท |
ดูดไขมันหลัง / ปีกหลัง / แผ่นหลัง | 49,000 บาท |
ดูดไขมันสะโพก | 49,000 บาท |
ดูดไขมันน่อง | 49,000 บาท |
หนอกคอ (Buffalo hump) | เริ่มที่ 49,000 บาท |
ดูดไขมันนมน้อย | เริ่มที่ 49,000 บาท |
ดูดไขมันหน้าอก | 49,000 บาท |