ความอ้วนกับ “โรคข้อเข่าเสื่อม” ไม่แก่แต่ก็เป็นได้!
“โรคข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคที่มักจะพบในผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยอาหารการกินที่ทั้งหลากหลายและรสชาติที่อร่อย ทำให้ผู้ที่มีอายุน้อยหลายคนมีการทานอาหารตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย ไม่ห่วงสุขภาพกันมากขึ้น ส่งผลให้วัยรุ่นยุคใหม่มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคอ้วนมากขึ้น และโรคอ้วนนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนอายุน้อยมีอาการข้อเข่าเสื่อมก่อนถึงวัยอันควร เพราะข้อเข่าต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินไป
ทำไมน้ำหนักมากถึงทำให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม?
สาเหตุที่คนอ้วน หรือคนที่มีน้ำหนักตัวมาก เสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ก็เป็นเพราะว่าหัวเข่าที่ต้องแบกรับน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานนั้น ได้ทำให้เข่าได้รับแรงกระทำจากน้ำหนักตัวมากขึ้น 3-4 เท่าในขณะที่เดิน และยิ่งจะได้รับแรงกระทำมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อาทิเช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ขึ้นลงบันได ฯลฯ ส่งผลให้เข่าเกิดการปวดและอักเสบ จนกลายเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมในที่สุด เท่านั้นยังไม่พอเพราะเซลล์ไขมันที่มากเกินไปของคนอ้วน ยังส่งผลกระทบต่อสารเคมีในเลือดทำให้เกิดการอักเสบของข้อเข่า กระตุ้นให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
นอกจากความอ้วนแล้ว โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดได้จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- พันธุกรรม
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
- อาชีพที่ต้องใช้เข่าหนัก เช่น นักฟุตบอล ผู้ที่ทำหน้าที่ยกของหนัก พนักงานต้อนรับ พนักงานขาย แอร์โฮสเตส เป็นต้น
- อุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกได้รับบาดเจ็บ
- โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง ฯลฯ
อ้วนแค่ไหน เสี่ยงข้อเข่าเสื่อม
จากข้อมูลงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 18.5–25 จะเสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อมสูงถึง 3.7 % ในส่วนของผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 35–39.9 จะทำให้หัวเข่าได้รับแรงกระทำจากน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดอาการปวด อาการอักเสบบริเวณหัวเข่าสูงถึง 19.5%
สำหรับวิธีตรวจสอบค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ว่าน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือยัง สามารถคำนวณได้ตามวิธีดังต่อไปนี้
ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ป้องกันเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร
1. ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก
การออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนักสามารถทำได้หลากหลายวิธีตั้งแต่ แอโรบิก, คาร์ดิโอ, HIIT, เวทเทรนนิ่ง, พิลาทิส, เล่นโยคะ ฯลฯ ใครที่คิดว่าแบบไหนโอเค แบบไหนเหมาะกับตัวเอง แบบไหนสนุก และมีความสุขก็ให้เลือกออกกำลังกายแบบนั้นได้ตามความสะดวก ไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่นๆ เพราะขึ้นชื่อว่าออกกำลังกายไม่ว่าคุณจะออกด้วยวิธีไหนผลลัพธ์สุดท้ายก็คือน้ำหนักที่ลด และสุขภาพที่ดีเหมือนกัน แต่ข้อควรระวังของการออกกำลัง คือ ควรออกกำลังกายให้ถูกวิธี และไม่ควรออกกำลังกายหนักหน่วงเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้
2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อยากลดน้ำหนัก อยากหุ่นสวย ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผักผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา โดยให้ครบ 5 หมู่ และจำกัดแคลอรีอาหารให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย พร้อมกับควบคุมการทานอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล โซเดียม และไขมันเลว
3. ดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมในการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อม โดยที่ Body Fat Center จะมีการใช้เครื่องดูดไขมัน BodyTite ร่วมกับ PAL ในการกำจัดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลึกและยากต่อการจำกัดได้อย่างตรงจุดด้วยพลังงานความร้อน ที่ไม่อันตรายต่อเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ แถมหลังการรักษายังเลือดออกน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ต้องกังวลถึงผิวบุ๋ม หรือผิวไม่เรียบเนียน
4. ผ่าตัดกระเพาะ (Restrictive procedure)
เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง โดยให้เหลือเพียงแค่ส่วนที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะวิธีนี้แพทย์จะทำการตัดกระเพาะในส่วนที่มีการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิว รู้สึกอยากอาหารออกไป ทำให้ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดมีความหิว ความอยากอาหารลดลงหลังจากผ่าตัด ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง