ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร? สามารถลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?
สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหาโรคอ้วน หรือภาวะน้ำหนักเกิน อยากหาตัวช่วยในการลดน้ำหนักให้เร็วขึ้น เราขอแนะนำให้รู้จักกับ “ปากกาลดน้ำหนัก” อีกหนึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ช่วยควบคุมการทานอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร?
ปากกาลดน้ำหนัก คือ ยาลดน้ำหนักชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับปากกา วิธีการใช้งานจะเป็นการฉีดยาเข้าไปที่บริเวณใต้ผิวหนัง โดยตัวยาที่อยู่ในปากกาลดน้ำหนักจะเป็นสารที่มีชื่อว่า Liraglutide ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งก็คือ Glucagon like peptide -1 (GLP-1 receptor agonist) ที่พบในทางเดินอาหาร มีหน้าที่กระตุ้นให้สมองส่งสัญญาณให้ร่างกายว่าอิ่มแล้ว เมื่อเรานำ Liraglutide มาเป็นยาสำหรับลดน้ำหนัก ก็จะส่งผลให้ความอยากอาหารลดลง รู้สึกอิ่มนาน และไม่ค่อยรู้สึกหิวบ่อยๆ
ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 30
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจระหว่างนอน
- ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ
- ผู้ที่ต้องการหาตัวช่วยในการลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับใคร
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือว่าให้นมบุตร
- ผู้ที่กำลังเป็นโรคตับ โรคไต ลำไส้ หรือกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่กำลังทานยาเบาหวาน
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
- ผู้ที่มีอาการแพ้ Liraglutide
วิธีการใช้งานปากกาลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
วิธีการใช้ปากกาลดความอ้วนให้เห็นมีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้
- ฉีดยาทุกวัน วันละ 1 ครั้ง โดยเวลาที่แนะนำให้ฉีดมากที่สุด คือ หลังอาหารเช้าของทุกวัน เพราะจะได้ทานอาหารเช้าได้อย่างเต็มที่ ร่างกายจะได้สารอาหารครบ 5 หมู่ เนื่องจากมื้อถัดๆ ไปความอยากทานอาหารจะลดน้อยลง และวันถัดๆ ไปจะต้องฉีดยาในเวลาเดิมทุกครั้งจนกว่าจะได้หยุดยา
- ตำแหน่งที่เหมาะสำหรับฉีดยา คือ หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขาด้านใน โดยวิธีการฉีดยานั้นจะต้องฉีดเข้าที่ชั้นใต้ผิวหนังทุกครั้ง
- ในปากกาลดน้ำหนัก 1 ด้าม จะมีปริมาณยาอยู่ที่ 18 มิลลิกรัม การให้ยาจะเริ่มจากให้ในปริมาณที่ต่ำก่อน จึงค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ
สัปดาห์ | ปริมาณยาที่ฉีด (ต่อวัน) |
สัปดาห์ที่ 1 | 0.6 มิลลิลิตร |
สัปดาห์ที่ 2 | 1.2 มิลลิลิตร |
สัปดาห์ที่ 3 | 1.8 มิลลิลิตร |
สัปดาห์ที่ 4 | 2.4 มิลลิลิตร |
สัปดาห์ที่ 5 เป็นต้นไป | 3.0 มิลลิลิตร |
- สำหรับใครที่ลืมฉีดยาในเวลาที่เคยฉีด ถ้าหากไม่เกิน 12 ชั่วโมง ก็สามารถฉีดยาได้ทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเกิน 12 ชั่วโมง วันนั้นไม่ต้องฉีดยาแล้ว ให้ไปเริ่มฉีดใหม่ในวันถัดไป โดยที่ไม่เพิ่มปริมาณยา
- การฉีดยาจากปากกาลดน้ำหนักนั้น ไม่มีข้อมูลตายตัวว่าจะหยุดได้เมื่อไร การจะหยุดฉีดยาในแต่ละครั้งจะต้องมาจากคำวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น
ผลข้างเคียงจากการใช้งานปากกาลดน้ำหนัก
- ท้องผูก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
วิธียืดอายุการใช้งาน
- ให้เก็บยาในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิระหว่าง 2–8 องศาเซลเซียส
- เก็บให้พ้นจากมือเด็ก
- เก็บให้พ้นจากแสง
ข้อดีของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ไม่เจ็บปวด และไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น
- ไม่กลับมาอ้วน ไม่เสี่ยงเป็นโยโย่
- ช่วยให้นอนหลับได้สนิทตลอดทั้งคืน
- น้ำหนักลดง่ายและลดเร็ว
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ
- ปลอดภัยจากโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- กระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย
สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก อยากลดความอ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคร้าย การใช้ปากกาลดน้ำหนัก ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก แต่ถ้าใครไม่อยากลดความอ้วน แต่อยากกระชับสัดส่วนร่างกาย เพราะร่างกายดูใหญ่ ดูหนาจนเกินไป เลือกดูดไขมัน จะตอบโจทย์ต่อจุดประสงค์มากกว่า
Body Fat Center ให้บริการด้านดูดไขมัน กระชับสัดส่วนโดยอาจารย์แพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านดูดไขมันที่มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี ร่วมกับการใช้เครื่องมือดูดไขมัน BodyTite ร่วมกับ PAL ช่วยให้ดูดไขมันได้อย่างตรงจุด ไม่อันตรายต่ออวัยวะที่อยู่รอบๆ แถมแผลยังมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ผิวหลังการดูดไขมันไม่มีรอยคลื่น หรือผิวบุ๋มมากวนใจ